รายได้จากการเพิ่มมูลค่า ของเงิน 180 บาท

จุดกำเนิดรายได้มาจากไหน


ง่ายๆก็คือ คิดจะประหยัด หรือคิดจะหาช่องทางทำมาหากิน รู้จักการเพิ่มมูลค่าของสิ่งที่มีอยู่ และรู้จักหามาเพิ่ม

รายได้จากการเพิ่มมูลค่า ของเงิน 180 บาท

1. การซื้อสิทธิ ซื้อที่ทำกิน

2. การมีสิทธิใช้สินค้าคุณภาพ ในราคาประหยัด (ประหยัด 1 บาทเท่ากับหามาได้ 1 บาท)

มาดูสิทธิที่คุณจะได้ โรงงานของคุณ ผลิตสินค้าส่งศูนย์ธุรกิจทั่วประเทศ พนักงานประจำศูนย์เป็นผู้ขายสินค้าให้แก่ลูกค้า หรือเครือข่ายของคุณ ที่เดินเข้ามาซื้อสินค้าที่ศูนย์กิฟฟารีนใกล้บ้าน ส่วนคุณเป็นหุ้นส่วนเจ้าของกิฟฟารีน คุณเป็นผู้รับเงินปันผล

เป็นไงครับ คุณไม่ต้องขาย มีคนขายให้คุณ

ในการสร้างเครือข่าย คุณสามารถทำได้ 2 แบบ แบบปกติธรรมดาทั่วไป หาสมาชิกกันแบบปากต่อปาก หรือ แบบoffline แบบที่สอง ทำงานบนอินเตอร์เน็ต หรือแบบ online อาศัยเทคโนโลยีเครือข่ายสร้างเครือข่าย โดยไม่กระทบงานประจำ

ในการเริ่มต้นธุรกิจนั้นง่ายมาก กิฟฟารีนเขาต้องการให้เราคนไทยใช้เงินเป็น เพราะฉะนั้นซื้อเท่าที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ เรียนรู้สินค้าตัวเองที่คุณก็มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ลองใช้ดูว่ามันเจ๋งจริง อย่างที่ฝรั่งเขาให้รางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมไหม

หลังจากนั้นศึกษาดูคู่มือ แผนธุรกิจ ดูระบบการทำงานและเครื่องไม้เครื่องมือที่เรามีอยู่ ใช้ให้เป็น เดี๋ยวก็รวยแล้วครับ

แต่...อย่าลืมข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีใครทำให้คุณ รวยได้ นอกเสียจากว่า ตัวคุณจะลงมือทำเอง ไม่มีระบบใดๆ ที่จะทำงานแทนคุณได้ทุกอย่าง สมัครแล้วไม่ทำอะไร คุณก็จะไม่ได้อะไร

รายได้เสริมเป็นแสนเป็นล้านต่อเดือนนั้น มาจากการทำงาน แบบมีวิริยะ อุตสาหะ ไม่ยอมล้มเลิกกลางทาง ถ้าคุณมีข้อนี้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีไปเกินครึ่งแล้วครับ ...ขอให้ทุกคนโชคดี ประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้ทุกๆ คนครับ

เราทำอย่างไร เมื่อเป็นสมาชิกกิฟฟารีนแล้ว

สมาชิกของกิฟฟารีนต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เราสมัครเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทกิฟฟารีน ไม่ได้สมัครเข้ามาเป็นพนักงานขายสินค้าให้กับกิฟฟารีน เพียงแต่ว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่หุ้นส่วนหรือเจ้าของธุรกิจ จะขายสินค้าของตัวเองบ้างในบางโอกาส

แต่นั่นไม่ใช่งานหลัก

งานหลักของหุ้นส่วนหรือเจ้าของธุรกิจกิฟฟารีน คือการขายแนวคิดหรือวิธีการกระจายสินค้าของบริษัทกิฟฟารีน ที่เรียกว่า “เครือข่ายผู้บริโภค” และ “การเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกัน”

ดังนั้น สิ่งที่หุ้นส่วนหรือเจ้าของธุรกิจต้องทำก็คือ

1. ใช้สินค้าที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ใช้อย่างเป็นธรรมชาติ เคยใช้เดือนละ กี่บาท ก็ใช้เท่าเดิม แต่เปลี่ยนมาเป็นยี่ห้อที่เรามีหุ้นส่วน หรือ เป็นเจ้าของร่วม ซึ่งก็คือ “กิฟฟารีน”

2. ศึกษาว่าบริษัทกิฟฟารีนให้อะไรกับหุ้นส่วนอย่างเราบ้าง ถ้าเราซื้อสินค้าใช้เอง เช่น

- การประกันอุบัติเหตุ

- เงินปันผล

- ความเป็นเจ้าของ ผมหมายถึง โอกาสที่เราจะทำการตลาด และบริหารจัดการ สินค้าของกิฟฟารีน กว่า 2,000 รายการ ให้เป็นที่รู้จัก และกระจายไปสู่ผู้บริโภค

3. ศึกษาว่าบริษัทกิฟฟารีนให้อะไรกับหุ้นส่วนอย่างเราบ้าง ถ้าเราสร้างเครือข่ายโดยการเชิญชวนญาติมิตร เพื่อน คนที่เรารู้จัก ให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทกิฟฟารีน เช่นเดียวกับเรา เช่น

- เงินปันผลจากการสร้างเครือข่าย

- เงินปันผลจากการบริหารจัดการเครือข่าย

- ลิขสิทธิ์ของเครือข่ายที่เราเป็นเจ้าของ

- มรดกของลิขสิทธิ์ที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ซึ่งเราสามารถมอบให้กับทายาทได้เมื่อเราเกษียณหรือเมื่อเราอยากจะพักผ่อน

ถึงตรงนี้ อยากให้หุ้นส่วนของกิฟฟารีนทุกคน ได้เข้าใจว่า กิฟฟารีนไม่ได้เอาอะไรจากเราเลย เงื่อนไขการจ่ายเงินปันผล ก็อยู่ในวิสัยที่คนทั่วไปสามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็น สินค้ามากกว่า 2,000 รายการ ก็ล้วนเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

เพราะฉะนั้น อย่าลังเลเลคิดมากอยู่เลย เพราะการสมัครเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทกิฟฟารีน เป็นการสมัครเพียงครั้งเดียวแล้วมีผลตลอดไป เงิน 180 บาท กับการเป็นหุ้นส่วนของบริษัท ที่เป็นของคนไทยอย่างแท้จริง และมียอดขายรวมมากกว่า 20,000 ล้านบาท

การศึกษาข้อมูลให้รู้จริง และการปรับเปลี่ยนทัศนคติว่า งานเครือข่ายผู้บริโภค ไม่ใช่งานที่เลวร้าย ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นงานที่สร้างรายได้ให้กับหุ้นส่วนอย่างแท้จริง และไม่มีขีดจำกัด อยู่ที่ความสามารถและทักษะของแต่ละคน ซึ่งมันก็เป็นส่วนที่เราสามารถพัฒนาได้ ขอเพียงมีทัศนคติที่ดี